เริ่มด้วยเพลง “เกียรติศักดิ์ทหารเสือ” เป็นการบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบางเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นการเตือนสติพวกเราให้สำนึกว่า กว่าจะเป็นไทยในทุกๆวันนี้เราต้องต่อสู้ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงภัย ต้องเสียเลือด เนื้อ และชีวิต เพื่อความอยู่รอดของแผ่นดิน
ถ้าเราคิดว่าเราฉลาดแล้ว เราควรรู้ไว้ด้วยว่าเราขาดความเฉลียว ฝ่ายรุกมุ่งยึดครองและทำลายแก่นแกนของจิตวิญญาเราโดยที่เราไม่รู้ตัว
มันขับไล่พระพุทธศาสนา ดำเนินมาเป็นขั้นเป็นตอนเราก็ไม่รู้เท่าทัน
สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชเราเอาตัวรอดมาได้เพราะพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ พอถึงยุคของประชาธิปไตยผู้ทรงเกียรติในสภาฯกลับไม่รู้เท่าทัน...ช่วยเขายึดครองเสียอีก ถ้าเรายกแผ่นดินให้คนรุ่นใหม่คิดหรือว่าเขาจะรู้เท่าทันภัยมหาอำนาจ และรู้เท่าทันภัยพระพุทธศาสนา?
สุดท้าย พวกเราเองไม่เคยหวงแหน ไม่กอดบ้านรักษาเมืองด้วยมือของตนเอง และตนเองก็ไม่รู้ว่าอะไรคือความมั่นคงที่ทำให้เราอยู่รอด ปล่อยให้ผู้ทรงเกียรติทำลายความมั่นคงมาเป็นขั้นเป็นตอน .... แล้วเราจะเรียกตนเองว่าฉลาดได้อย่างไร?
แม้กระทั่งคนรุ่นโบราณก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้ทำตัวเป็นทารก กะล่อนไปวันๆด้วยฤทธิกิเลส
ฝากประโยคทองคำ “ความรู้เท่าทันคือ ทางรอดของแผ่นดิน” นั่นคือ เราจะติดตามสืบรู้พฤติกรรมผู้ทำลาย และถ่ายทอดให้เพื่อร่วมแผ่นดินรู้ เพื่อทางรอดของแผ่นดิน