ขณะที่เรากำลังคลั่งไคล้ ปราชญ์ชาวกรีก โซคราติส เพลโต อริสโตเติล

ไอน์สไตน์ได้พบและยอมรับ เรียกพระพุทธศาสนาว่า

“ศาสนาแห่งจักรวาล”

ไอน์สไตน์พบ

สมัยอยู่ที่มหาวิทยาลัย พรินซ์ตัน ไอน์สไตน์พูดถึงศาสนาพุทธอยู่บ่อยครั้ง แต่ในข้อเขียนของเขาทั้งหมดมักจะเลี่ยงไปใช้คำว่า “ศาสนาแห่งจักรวาล” เพื่อลดแรงสะท้อนทางสังคมตะวันตกที่มิได้นับถือศาสนานี้ อีกทั้งเขาเองก็ได้เขียนโจมตีศาสนาอื่นๆไว้ไม่น้อยเหมือนกัน (นาทีที่ ๙.๐๐)

=============

 

ไอน์สไตน์ก็เคยรู้ถึงความยากลำบาก ต่อการอธิบายสิ่งที่ตนเองค้นพบจากปัญญาฌานให้บุคคลภายนอกเข้าใจและได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งมีใจความว่า

เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่จะอธิบายความเข้าใจในศาสนาแห่งจักรวาลซึ่งไม่ยึดติดกับพระเจ้าให้คนอื่นๆ ที่ไม่มีความรู้เช่นนี้ได้รับรู้และเข้าใจ” (นาทีที่ ๑๓.๓๗)


=============

ด้วยความเป็นห่วงว่าศาสนาแห่งจักรวาล จะไม่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ เขาจึงได้เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ปี 1930/๒๔๗๓ ว่า

ในทัศนของข้าพเจ้าเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ที่จะต้องช่วยกันรักษาศาสนาแห่งจักรวาลนี้ให้คงอยู่”

ประโยคนี้ของไอน์ไสตน์ทำให้ยืนยันว่าศาสนาแห่งจักรวาลได้เกิดขึ้นมาแล้วบนโลกใบนี้

ในหนังสือที่ตีพิมพ์ The Conference 0f Science ปี 1941/๒๔๘๔ ได้กล่าวถึงศาสนาในความคิดของไอน์สไตน์ว่า

เป้าหมายอันหนึ่งของศาสนาก็คือการปลดปล่อยมนุษยชาติให้พ้นจากการแสวงหาอัตตา ตัหา และ ความกลัว ซึ่งวิทยาศาสตร์ต้องพยายามหาเหตุผลมาช่วยศาสนาในการอธิบาย” (นาทีที่ ๑๔.๒๐)

=============

วิทยาศาสตร์ “ยอมรับ”

ปัจจุบัน “มนุษย์” พัฒนาศักยภาพทางกายจนเกือบถึงขีดสุดแล้วสังเกตได้จากการทำลายสถิติโอลิมปิกที่เริ่มจะน้อยถอยลงเรื่อยๆ

แต่ศักยภาพทางจิต มนุษย์ยังพัฒนาไปไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ของที่ธรรมชาติมอบมาให้ด้วยซ้ำไป

ดังนั้นมนุษย์ยังสามารถพัฒนาจิตได้อีกมากมายและมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถมีวิวัฒนาการทางจิตได้เพราะมี “สติ” ซึ่งเป็นเจตสิก องค์ประกอบของจิต ในการควบคุมจิต (นาทีที่ ๑๕.๒๔)

=============

พระพุทธเจ้า “ทรงชี้”

พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่พระองค์ค้นพบ เป็นกฎธรรมชาติไม่ใช่พระพุทธองค์สร้างขึ้นมาเอง มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ใครมองเห็นหรือไม่เห็นก็เท่านั้น

แม้แต่เรื่องภพภูมิ ไตรลักษณ์ กฎแห่งกรรม หลักอิทัปปัจจยตา มีมาก่อนแล้วเพียงแต่ก่อนหน้านั้น ยังไม่มีผู้มีปัญญาฌานมาหยั่งรู้ก็แค่นั้นเอง (นาทีที่ ๑๗.๑๓)

=============

 

คำคิดสะกิดเตือน

ปรัชญาของปราชญ์ทั้งหลายแหล่ สร้างปัญหามาแล้วนับเป็นศตวรรษ สร้างความแตกแยกในสังคมมาแล้วมากมาย ยกเว้นพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ที่เป็นอมตะแม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำลายกฎแห่งกรรมได้

  • ประชาธิปไตยมิใช่หรือที่ปราชญ์บางท่านตำหนิและปฏิเสธ
  • ประชาธิปไตยมิใช่หรือที่เป็นประตูพร้อมเปิดให้ต่างศาสนาเข้ามาทำลายสังคมพระพุทธศาสนา ด้วยฝีมือของนักอ้างประชาธิปไตย
  • ประชาธิปไตยมิใช่หรือที่ทำให้ประชาชนแตกแยก กลายเป็นประชากรของพรรคการเมืองมิใช่พสกนิกรของพระเจ้าอยู่หัว
  • ปราชญ์ทางรัฐศาสตร์ทั้งหลายถูกอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอ้างมามากแล้ว เราจะอ้างพระพุทธเจ้าเพื่อ "ให้สติ" กันเสียบ้าง แม่นยำถูกต้องทุกกาลเวลา จะเสียหายตรงไหน?

สรุป

อุบาสก อุบาสิกาเอ๋ย สำนึกกันไว้เถิดว่า “เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง” จงศึกษาแล้วปฏิบัติด้วย อย่าเป็นชาวพุทธแค่ในสำมะโนครัว

ไอน์สไตน์ผู้เป็นปราชญ์ยังสำนึกรู้

แล้วเราจะไม่ภูมิใจไม่ศึกษากันเลยอย่างนั้นหรือ ?

 

จำนวนผู้เข้าชมหน้านี้ : free stat counter